5 ขั้นตอนตรวจสอบก่อนจ่ายเงินซื้อสมาร์ทโฟนแท็บเล็ต | |
ข่าวประจำวันที่ 2014-05-07 10:45:53 | |
จำนวนที่เปิดอ่าน 7803 ครั้ง |
5 ขั้นตอนตรวจสอบก่อนจ่ายเงินซื้อสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนแท็บมาใช้งานซักเครื่องที่เหมาะสมนั้นดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าก็คือ เมื่อเราตัดสินใจซื้อและพร้อมจะจ่ายเงินแล้ว เรายังจำเป็นต้องเช็คเครื่องด้วย เพราะในบางกรณีเราอาจจะได้เครื่องที่มีปัญหาหรือหลุด QC มาได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลให้เราเสียหาย เสียเวลา เสียอารมณ์ได้ โดยปัญหาส่วนมากที่พบก็อาจจะเป็นในเรื่องของตัวเครื่องเป็นรอย รวมไปถึงเครื่องไม่สามารถสามารถใช้งานได้ปกติ อย่างลำโพงไม่ดัง หรือโทรออกไม่ได้ก็ตามที ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาดูกันครับว่าก่อนจ่ายเงินซื้อสมาร์ทโฟนแท็บเล็ต (ที่ไม่ว่าจะซื้อตามช็อปตามศูนย์หรือร้านตู้) เราควรจะต้องตรวจสอบอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ของที่ดีที่สุด 1. ตรวจสอบกล่องแพ็คเก็จขั้นแรกเลยก็คือตรวจความเรียบร้อยของกล่องครับ แม้ว่ามันจะมีซีลพลาสติกใสมาก็จริง แต่อย่าลืมว่าสมัยนี้การซีลพลาสติกสามารถทำได้ง่ายมาก ดังนั้นให้เน้นไปที่การตรวจสอบที่กล่องว่ามีรอยบุบเยอะหรือเปล่า มีรอยขีดข่วนมั้ย เพราะถ้ามีรอยมาเยอะๆ เป็นไปได้ว่าอาจจะเคยถูกแกะมาก่อน หรือในขั้นตอนการจัดส่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการโยน ซึ่งถ้ามีการโยนจริงๆ อาจส่งผลกระทบกับตัวสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตได้ครับ 2. เช็ครอบตัวเครื่องขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการเช็คตัวเครื่องโดยรอบครับ ขั้นตอนนี้จะต้องใจเย็นซักนิดหนึ่ง เพราะร่องรอยนั้นเป็นไปได้ว่ามันอาจจะมีมาตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตเลยก็เป็นได้ ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้ดีๆ ตามจุดต่างๆ ดังนี้
ขั้นตอนการตรวจรอบๆ ตัวเครื่อง สรุปง่ายๆ ก็คือตรวจให้แน่ใจว่าเครื่องไม่มีรอยกระแทก รอยขีดข่วน หรือจุดนูนๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นความผิดพลาดจากขั้นตอนการผลิตเท่านั้นเองครับ ไม่ยาก 3. เปิดเครื่องเช็คจอหลังจากตรวจสอบภายนอกไปแล้ว ก็ได้เวลาตรวจสอบจอภาพแล้วครับ ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบจอนี้สำหรับ iPhone, iPad จะต้องย้ำกับพนักงานว่ายังไม่ต้อง activate เครื่องนะครับ เพราะถ้า activate ไปแล้ว ถ้าเครื่องมีปัญหา ส่วนใหญ่พนักงานจะไม่อนุญาตให้เปลี่ยนเครื่องอีก เนื่องจากประกันของเครื่องเริ่มเดินหลังจากการ activate หรือให้เปลี่ยนอีกอย่างมากก็ครั้งเดียว ส่วนถ้าเป็น Android, Windows Phone ก็สามารถทำได้ปกติเลย โดยที่ต้องตรวจสอบก็เช่น
ส่วนเรื่องของ Software การทำงานภายในนั้น โดยมากสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตมักจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้อยู่แล้ว หรือถึงมี ส่วนใหญ่แล้วก็เพียงแค่ Restore เครื่อง ก็จะแก้ปัญหาได้ซะเป็นส่วนมาก ฉะนั้นไม่ต้องกังวลมากมายแต่อย่างใด 4. ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมทีนี้ก็มาตรวจสอบอุปกรณ์เสริมกันบ้าง โดยอุปกรณ์ที่มีมาในกล่องสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตก็ได้แก่
การตรวจสอบก็ไม่ยากครับ แค่เช็คว่ามีของครบหรือเปล่าเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่บรรดาอุปกรณ์เสริมที่แถมมาในกล่องมักจะไม่มีปัญหา หรือถ้าสามารถตรวจสอบได้ก็จะดีครับ และหลังจากแน่ใจในตัวเครื่องโดยรวมแล้ว ก็เป็นขั้นตอนของการ activate และรับเครื่องเป็นของเรา ซึ่งหลังจากขั้นตอนนี้ก็สามารถตรวจสอบส่วนอื่นๆ ได้แล้ว เช่นการโทรศัพท์ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต การใช้งานทั่วๆ ไป ก็ให้ลองใช้งานดูครับว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ซึ่งถ้าใครที่ตั้งใจจะซื้อเครื่องเปล่าอยู่แล้ว เป็นไปได้ก็ควรจะเตรียมนาโนซิมที่จะใช้ไปให้พร้อม ส่วนใครที่ต้องการซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจของแต่ละค่ายอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเตรียมไปก็ได้ครับ ส่วนพวก IMEI หรือ serial number นั้น ปกติแล้วเครื่องที่ซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS, DTAC และ Truemove-H มักจะไม่มีปัญหาเรื่องเลขที่ตัวเครื่องไม่ตรงกับข้างกล่องอยู่แล้ว ดังนั้นแทบจะตัดปัญหานี้ไปได้เลย 5. ย้ำว่าถ้ามีปัญหาภายใน 7 วันสามารถเปลี่ยนเครื่องได้ปิดท้ายที่การตรวจสอบร้านที่เราซื้อ โดยปกติแล้วสินค้าไอทีหรืออิเล็คทรอนิคมีความเป็นไปได้ว่าจะเสียหรือผิดพลาดมาจากโรงงาน ซึ่งนั่นถ้าเราพบเจอตอนตรวจเครื่องก็ง่ายที่เราจะไม่ซื้อหรือรับสินค้านั้นมา อย่างไรก็ตามก็มีอีกหลายกรณีที่สินค้าอาจจะไม่เสียในทันที แต่ดันเสียหรือพังหลังจากนั้นไปสองสามวัน ทำให้เกิดข้อตกลงที่เป็นสากลเกิดขึ้นกับทางร้านและผู้ซื้อก็คือ “หากเครื่องหรือสินค้าเกิดเสียหรือทำงานขึ้นมาเอง ภายใน 7 วัน เราสามารถที่จะนำสินค้านั้นๆ ไปเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ที่ร้านได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องไปเคลมที่ศูนย์หรือรอซ่อม” ซึ่งนั่นเราก็จำเป็นต้องตกลงกับร้านให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะบางร้านอาจจะไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ก็เป็นไป ฉะนั้นถ้าให้ดีที่สุดเราควรเลือกร้านซื้อสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตที่ยอมรับเงื่อนไขนี้เป็นขั้นแรก พร้อมด้วยให้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน บนใบเสร็จหรือนามบัตรร้านก็ได้ |
ที่มา : notebookspec.com/ |
ติดตามข่าว Headdaddy IT News บน Facebook คลิกที่นี่!! |